
LASER & SKIN
CENTER
เลเซอร์กำจัดขนขา, เลเซอร์ลบรอยสัก, เลเซอร์ลบรอยสักคิ้ว, เลเซอร์ฝ้า กระ จุดด่างดำ, เลเซอร์ไฝ, เลเซอร์เส้นเลือดขอด, เลเซอร์รักษาแผลเป็นนูน, เลเซอร์รอยสิว, เลเซอร์หลุมสิว
โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัดหรือใช้เวลาพักฟื้นนาน
เลเซอร์ - เพื่อการรักษา
เลเซอร์ - กำจัดขน
การกำจัดขนบนใบหน้า,กําจัดขนบนใบหน้าถาวรเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการผิวหน้าเรียบเนียนและไร้ขนในระยะยาว โดยเฉพาะในกรณีที่ขนหน้าอาจส่งผลต่อความมั่นใจหรือความเรียบเนียนของผิว มีวิธีกําจัดขนบนใบหน้าหลายแบบที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงเช่น กําจัดขนบนใบหน้าเลเซอร์,กําจัดขนบนใบหน้าผู้ชาย,กําจัดขนบนใบหน้าผู้หญิง

กำจัดไฝ หูด
Laser ไฝ, Laserขี้แมลงวัน, Laserติ่งเนื้อ วิธีเหล่านี้เป็นหนึ่งในวิธีดูแลผิวที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ใบหน้าและร่างกาย โดยเฉพาะหากไฝหรือขี้แมลงวันเป็นจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนหรือมีลักษณะนูนที่รบกวนความสวยงาม หลังทำเลเซอร์การกำจัดขี้แมลงวันหรือไฝมักจะจางลงหรือหายไปภายในไม่กี่สัปดาห์และถ้ากําลังมองหาคลินิกจี้ขี้แมลงวัน หรือlaserไฝราคานั้นขึ้นอยู่กับแต่ล่ะคลินิกอาจเริ่มต้นที่ประมาณ 1,000 - 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับขนาดกับตำแหน่งไฝและขี้แมลงวันที่สําคัญควรเลือกคลินิกได้มาตรฐานและมีผู้เชี่ยวชาญดูแลจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ฝ้า กระจุด ด่างดำ ใบหน้า
วิธีรักษาฝ้า กระ จุด ด่าง ดํา,ลด ฝ้า กระ จุด ด่าง ดํารักษาด้วยการเลเซอร์Q-Switched Laser: ทำลายเม็ดสีในผิวหนังให้จางลง Pico Laser: เหมาะสำหรับจุดด่างดำลึกหรือฝ้าหนาและสามารถดูแลด้วยวิธีรักษา ฝ้า กระ จุด ด่าง ดําด้วยวิธี ลด ฝ้า กระ จุด ด่าง ดํา แบบธรรมชาติโดยใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น น้ำมะนาวผสมกับน้ำผึ้งทาบริเวณที่มีจุดด่างดำแต่การเลเซอร์ ฝ้า กระ จุด ด่าง ดํา ราคานั้นมีราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์, ขนาดของบริเวณที่รักษา แต่จะเห็นผลเร็วกว่า

ลบรอยสัก
วิธีลบรอยสักด้วยการเลเซอร์ลบรอยสักเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการเลเซอร์รอยสักบนร่างกายหรือลบรอยสักคิ้ว การลบเหล่านี้สามารถทำได้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยการเลเซอร์ลบรอยสักราคานั้นไม่แพงและให้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัย

เส้นเลือดขอด
การเลเซอร์รักษาเส้นเลือดขอดด้วยเทคนิคการเลเซอร์จะทำการยิงเลเซอร์ไปยังเส้นเลือดที่ต้องการรักษา โดยเลเซอร์รักษาเส้นเลือดขอดจะช่วยทำลายผนังของเส้นเลือดที่ไม่ต้องการ และช่วยให้เส้นเลือดเหล่านั้นหายไปอย่างช้าๆ โดยทั่วไปเลเซอร์เส้นเลือดขอดราคามักเริ่มต้นที่ประมาณ 2,000-5,000 บาท ต่อครั้ง ซึ่งอาจมีราคาเพิ่มขึ้นหากการรักษาต้องทำหลายครั้ง

รักษาแผลเป็นนูน
(คีลอยด์)
รักษาคีลอยด์ให้หาย ได้หรือไม่ คำตอบคือ การรักษาคีลอยด์หรือแผลเป็นนูนสามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับประเภทและขนาดของแผล วิธีรักษาคีลอยด์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมสำหรับแต่ละกรณี นอกจากนี้ ยังมีหลายเทคนิคในการรักษาแผลเป็นนูนที่ได้รับการพิสูจน์ว่าช่วยให้แผลหายดีขึ้น

หลุมสิว รอยแผลสิว
หลุมสิวเป็นปัญหาผิวที่หลายคนต้องเผชิญหลังจากการเกิดสิวที่ไม่หายไป ซึ่งทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนและเป็นที่กังวลสำหรับผู้ที่มีปัญหานี้ การรักษาหลุมสิวมีหลายวิธี และหนึ่งในนั้นคือ Laser สำหรับการรักษาหลุมสิวเลเซอร์เป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะสามารถรักษาได้ดีและไม่เจ็บปวดมาก laser หลุมสิวราคามักจะอยู่ในช่วง 3,000 - 6,000 บาท ต่อเซสชั่น ขึ้นอยู่กับสถานที่และขนาดของพื้นที่ที่ต้องการรักษาหากต้องการทำหลายเซสชั่นเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดบางคลีนิกอาจมีแพ็กเกจสําหรับทําเลเซอร์


"ฝ้าและกระ... สาเหตุและวิธีการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพฝ้าและกระเป็นปัญหาผิวที่หลายคนประสบ แต่รู้หรือไม่ว่าเราสามารถรักษาฝ้าและกระได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยี Laser หรือวิธีการอื่นๆมากมาย ที่ได้รับการรับรองจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ วันนี้ Wmedic เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับวิธีการรักษาฝ้าที่ได้ผลจริง พร้อมทั้งแนะนำการดูแลผิวให้ดีเพื่อป้องกันฝ้าและกระไม่ให้กลับมาอีก..."
Pico Laser
-
เลเซอร์ที่ใช้พลังงานในช่วงเวลาสั้นมาก (1 พิโควินาที) เพื่อทำลายเม็ดสีฝ้า กระ โดยไม่ทำลายผิวหนังที่อยู่รอบๆ ช่วยลดฝ้าและกระได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
เหมาะสำหรับฝ้าที่ลึกและฝ้าที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น
Q-Switch Laser
-
เลเซอร์ที่ใช้พลังงานเพื่อทำลายเม็ดสีฝ้า กระ และจุดด่างดำบนผิวหน้า
-
เหมาะสำหรับการรักษาฝ้าที่เกิดจากแสงแดดหรือฝ้าฮอร์โมน
-
มีประสิทธิภาพในการรักษาฝ้าตื้นและลึก
Fractional CO2 Laser
-
ใช้เลเซอร์ที่มีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ (Fractional) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวที่มีฝ้ากลับมาดูเรียบเนียนและกระจ่างใส
-
เหมาะสำหรับการรักษาฝ้าที่เกิดจากการสะสมเม็ดสีในชั้นผิวหนัง
IPL (Intense Pulsed Light)
-
ไม่ใช่เลเซอร์จริงๆ แต่ใช้แสงพัลส์ที่มีพลังงานสูงในการรักษาฝ้า กระ และจุดด่างดำ
-
ช่วยกระจายแสงเพื่อทำให้ฝ้าจางลงและปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
Alexandrite Laser
-
ใช้เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 755 nm ซึ่งสามารถดูดซับเม็ดสีได้ดีและลดฝ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวขาวถึงกลาง
Nd:YAG Laser
-
เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1064 nm ซึ่งสามารถเจาะลึกลงไปในชั้นผิวได้ดี
-
มักใช้ในการรักษาฝ้าที่มีความลึกหรือฝ้าที่ไม่ตอบสนองต่อเลเซอร์ประเภทอื่นๆ
Ruby Laser
-
เลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 694 nm ซึ่งสามารถกำจัดฝ้า กระและจุดด่างดำได้ดี
-
ใช้ในกรณีที่ฝ้าเกิดจากเม็ดสีที่สะสมในผิวหนัง
สอบถามโปรโมชั่น
รีวิว
Q&A ที่พบบ่อย ?


เลเซอร์ลบรอยสักมีหลายชนิด โดยแต่ละชนิดจะเหมาะกับสีของหมึกและลักษณะรอยสักที่แตกต่างกันไป ซึ่งสามารถแบ่งประเภทหลัก ๆ ได้ดังนี้:
1. Q-Switched Laser
เป็นเลเซอร์ที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดในการลบรอยสัก โดยปล่อยพลังงานสูงในช่วงเวลาสั้นมาก (นาโนวินาที) เพื่อทำลายเม็ดสีให้แตกตัว
-
Q-Switched Nd:YAG (1064 nm และ 532 nm)
-
1064 nm: เหมาะกับรอยสักสีดำ น้ำเงินเข้ม น้ำตาล
-
532 nm: เหมาะกับสีแดง ส้ม เหลือง
-
-
Q-Switched Ruby (694 nm)
-
เหมาะกับรอยสักสีเขียว ม่วง น้ำเงิน
-
-
Q-Switched Alexandrite (755 nm)
-
ใช้กับสีเขียวและสีฟ้าได้ดี
-
-
2. Pico Laser (Picosecond Laser)
-
ใช้พลังงานสูงแต่ปล่อยพลังงานในระดับ "พิโควินาที" (เร็วกว่าคิวสวิตช์)
-
ทำให้เม็ดสีแตกละเอียดกว่า ส่งผลให้การลบมีประสิทธิภาพมากขึ้น เจ็บน้อยลง และฟื้นตัวเร็วกว่า
-
เหมาะกับรอยสักสีจาง รอยสักที่ลบยาก หรือเคยลบด้วย Q-Switched แล้วไม่หมด
3. Fractional Laser (บางกรณีใช้ร่วม)
-
โดยทั่วไปไม่ใช้ลบสีโดยตรง แต่ใช้ร่วมกับเลเซอร์อื่นเพื่อช่วยลดรอยแผลเป็นหรือกระตุ้นการฟื้นฟูผิวหลังการลบรอยสัก
สรุป: (รูป)
ประเภทเลเซอร์ความเหมาะสมความสามารถในการลบสี
Q-Switched Nd:YAGนิยมที่สุด, เหมาะกับสีเข้มดำ, น้ำเงิน, แดง, เหลือง
Q-Switched Rubyใช้กับสีอ่อนเขียว, น้ำเงิน, ม่วง
Q-Switched Alexandriteลบสีเขียว/ฟ้าได้ดีเขียว, ฟ้า
Pico Laserใหม่กว่า, เจ็บน้อย, ฟื้นตัวไวเกือบทุกสี รวมถึงที่ลบยาก


เลเซอร์ลบรอยสัก ต้องทำกี่ครั้งถึงหาย
จำนวนครั้งในการลบรอยสักด้วยเลเซอร์ขึ้นอยู่กับวิธีการสักและคุณภาพของสีที่ใช้ เช่น การสักด้วยมือ จะสามารถลบออกได้ง่ายกว่าการสักโดยใช้เครื่อง และการสักโดยใช้สีหลายสีจะลบได้ยากกว่าการสักเพียงสีเดียว แต่จะสามารถเห็นผลได้ตั้งแต่การทำครั้งแรก แต่โดยส่วนใหญ่แล้วลอยสักจะบางลงและสามารถเห็นผล 80-90% ได้ใน 5-10 ครั้งแรก ขึ้นอยู่กับชนิดสีที่ใช้สัก
เลเซอร์ลบรอยสัก เหมาะกับใคร
-
หน้าที่การงานที่ไม่สามารถมีรอยสักได้ เช่น การรับราชการ หรือบางรอยสักอยู่นอกร่มผ้าที่เห็นได้ชัด ก็นิยมมาลบออกได้เช่นกัน
-
ต้องการลบเรื่องราวในอดีต
-
อยากเปลี่ยนรอยสักใหม่
-
สีหมึกเปลี่ยนหรือจางลงเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้หมดความชื่นชอบในรอยสัก
Q&A ที่พบบ่อย


ไฝ คืออะไร
ไฝ คือ จุดหรือปานที่ปรากฏบนผิวหนังของร่างกาย ซึ่งเกิดจากการสะสมของเซลล์เม็ดสี (melanocytes) ที่มีสีเข้มกว่าผิวหนังโดยรอบ ไฝสามารถมีรูปร่าง ขนาด และสีที่แตกต่างกัน เช่น น้ำตาล ดำ หรือแดง ขึ้นอยู่กับชนิดและลักษณะของไฝแต่ละประเภทชนิดของไฝไฝธรรมดา (Common Mole)ส่วนใหญ่มีขนาดเล็กกว่า 6 มม.สีออกน้ำตาลหรือดำผิวเรียบหรือเล็กน้อยนูนไฝเนื้อ (Dermal Mole)มักเป็นก้อนนูนขึ้นมาจากผิวหนังอาจมีขนขึ้นบนไฝสีอ่อนหรือคล้ายสีผิวไฝผิดปกติ (Atypical Mole)มีรูปร่างหรือสีไม่สม่ำเสมออาจมีขนาดใหญ่กว่าปกติ
ข้อควรระวัง
หากพบว่าไฝมีลักษณะแปลกไป เช่น
-
มีขนาดโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
-
ขอบเขตไม่ชัดเจน
-
สีเปลี่ยนแปลงหรือไม่สม่ำเสมอ
-
มีเลือดออกหรือเจ็บ
ควรปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของ มะเร็งผิวหนัง (Melanoma) ได้

ประโยชน์ของการเลเซอร์ไฝ
เลเซอร์ไฝสามารถช่วยรักษาปัญหาผิวต่างๆ โดยไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น ผลลัพธ์ชัดเจน สามารถทำได้ทุกบริเวณ ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า แขน ขา หรือลำตัว เป็นต้น ซึ่งเลเซอร์ไฝสามารถช่วยกำจัดปัญหาต่างๆ ได้หลากหลาย เช่นไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ เนื้องอกต่อมเหงื่อ เนื้องอกต่อมไขมัน หูด รวมถึงยังสามารถใช้ในการเลเซอร์สิวอุดตัน และสิวข้าวสาร (Milia หรือ Milium Cysts) ที่เป็นซีสต์ไขมันใต้ชั้นผิว เกิดจากการสะสมเคราติน (Keratin) ได้อีกด้วย
ขั้นตอนการทำเลเซอร์ไฝ
-
ขั้นตอนในการทำเลเซอร์ไฝมีดังต่อไปนี้
-
ทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนผิวหน้าหรือบริเวณที่ต้องการทำเลเซอร์ไฝ
-
ทายาชาบริเวณผิวทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที
-
แพทย์จะใช้เครื่องมือยิงเลเซอร์ลงบนผิวหน้าบริเวณที่ต้องการรักษา
-
หลังยิงเลเซอร์จะมีการทายาเพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองของผิว

การรักษาเส้นเลือ ดขอด
เส้นเลือดขอด (Varicose Veins) คือภาวะที่เส้นเลือดดำใต้ผิวหนังขยายตัว บวม และบิดเป็นเส้นคล้ายเชือก มักพบที่ขา สาเหตุเกิดจากลิ้นในหลอดเลือดดำทำงานผิดปกติ ทำให้เลือดไหลย้อนกลับและคั่งอยู่ในหลอดเลือด

ฉีดยาทำลายหลอดเลือด
-
ฉีดยาเข้าไปในเส้นเลือดที่ขอด
-
ทำให้ผนังเส้นเลือดติดกันและยุบตัว
-
เหมาะกับเส้นเลือดขอดขนาดเล็กถึงกลาง
-
อาจต้องทำหลายครั้ง

การรักษาด้วยเลเซอร์
-
สอดสายเลเซอร์เข้าไปในหลอดเลือด
-
ใช้พลังงานความร้อนปิดหลอดเลือดที่ผิดปกติ
-
เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน

คลื่นวิทยุ
(Radiofrequency Ablation)
-
คล้ายกับเลเซอร์ แต่ใช้คลื่นวิทยุสร้างความร้อน
-
ปิดหลอดเลือดได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

การผ่าตัด (ในรายที่รุนแรงหรือรักษาวิธีอื่นไม่หาย)
-
Stripping: ผ่าตัดนำเส้นเลือดที่ผิดปกติออก
-
Ambulatory Phlebectomy: เจาะผิวหนังขนาดเล็กเพื่อดึงเส้นเลือดขอดออก
-
มักทำร่วมกับการดมยาหรือฉีดยาชาเฉพาะที่

วิธีรักษาคีลอยด์
การรักษาคีลอยด์มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของคีลอยด์ รวมถึงสภาพผิวของผู้ป่วย วิธีที่ใช้บ่อยในการรักษาคีลอยด์มีดังนี้:
1. การฉีดยาสเตียรอยด์ (Corticosteroid Injections)
เป็นวิธีการรักษาที่นิยม ใช้ฉีดสเตียรอยด์เข้าสู่คีลอยด์เพื่อลดการอักเสบและการสร้างคอลลาเจน ช่วยทำให้คีลอยด์ยุบลง แต่ต้องทำหลายครั้งและใช้เวลาต่อเนื่อง
2. **การใช้แผ่นซิลิโคน (Silicone Sheets)
แผ่นซิลิโคนใช้ปิดทับบริเวณคีลอยด์ ช่วยให้แผลนุ่มขึ้นและลดการนูน สามารถใช้ร่วมกับวิธีอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
3. การทำเลเซอร์ (Laser Therapy)
ใช้แสงเลเซอร์ในการลดขนาดคีลอยด์และช่วยให้สีของแผลจางลง การทำเลเซอร์อาจต้องทำหลายครั้งและต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
4. การผ่าตัด (Surgical Excision)
ในกรณีที่คีลอยด์มีขนาดใหญ่และไม่ตอบสนองต่อวิธีอื่น แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัดออก แต่มีความเสี่ยงที่คีลอยด์จะกลับมาใหม่ได้ แพทย์มักใช้การฉีดยาสเตียรอยด์หรือทำเลเซอร์ร่วมด้วยหลังผ่าตัดเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ
5. การฉายรังสี (Radiation Therapy)
ใช้รังสีความเข้มต่ำฉายไปยังบริเวณคีลอยด์เพื่อลดการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ วิธีนี้มักใช้หลังการผ่าตัดเพื่อป้องกันไม่ให้คีลอยด์กลับมาอีก
6. การใช้แรงกด (Pressure Therapy)
ใช้แถบผ้าหรืออุปกรณ์กดทับบริเวณคีลอยด์เพื่อลดการนูนและป้องกันไม่ให้ขยายตัว วิธีนี้มักใช้กับแผลที่เกิดจากการผ่าตัดหรืออุบัติเหตุ
7. การใช้ยาทาหรือเจลรักษาแผลเป็น
เช่น ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือสารสกัดจากพืชสมุนไพร ซึ่งสามารถช่วยลดรอยแผลเป็นได้ในบางกรณี
การรักษาคีลอยด์มักต้องใช้เวลานานและอาจต้องผสมผสานหลายวิธี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
คีลอยด์ คืออะไร ?
คีลอยด์ คือ ประเภทของรอยแผลเป็นชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นแผลนูน แดง มีการขยายใหญ่ออกนอกขอบเขตบาดแผลเดิม อาจมีอาการคัน เจ็บ และรู้สึกผิวตึงรั้งร่วมด้วย เมื่อทิ้งไว้จะคงอยู่และไม่ยุบแบนราบลงได้เอง ยิ่งไปกว่านั้น ในบางรายอาจมีขนาดโตขึ้นกว่าเดิมอีกครับ แม้ว่าแผลคีลอยด์ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่ส่งผลด้านความสวยงามและสภาพจิตใจได้
คีลอยด์ มีกี่ประเภท สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดหลัก ๆ ตามลักษณะและความรุนแรง ดังนี้:


1. คีลอยด์ชนิดเริ่มต้น (Early Keloid)
- เป็นคีลอยด์ที่เริ่มพัฒนาในช่วงแรกหลังแผลหาย โดยมักเกิดในช่วง 3-6 เดือนหลังแผลเริ่มสมาน
- ลักษณะจะเป็นก้อนนูนขึ้นมาเล็กน้อย สีมักจะเป็นสีแดงหรือสีชมพู และอาจรู้สึกคันหรือเจ็บ
- คีลอยด์ชนิดนี้สามารถรักษาได้ง่ายกว่าหากเริ่มการรักษาตั้งแต่แรก เช่น การใช้ซิลิโคนเจลหรือการกดทับ
2. คีลอยด์ชนิดเรื้อรัง (Mature Keloid)
- เป็นคีลอยด์ที่พัฒนาเป็นระยะเวลานานมากกว่า 6 เดือนจนถึงหลายปี
- มีลักษณะนูนมากขึ้น หนาขึ้น และอาจมีสีคล้ำ เช่น สีน้ำตาลหรือสีม่วง
- อาจขยายตัวและมีขนาดใหญ่กว่าบริเวณแผลเดิมอย่างมาก การรักษาจะยากขึ้นและต้องใช้วิธีทางการแพทย์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การฉีดยาสเตียรอยด์หรือการทำเลเซอร์
คีลอยด์ทั้งสองชนิดนี้มีสาเหตุจากการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ผิดปกติและการสร้างคอลลาเจนเกินควร ดังนั้นควรได้รับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการลุกลามของแผล
01 สาเหตุของการเกิดคีลอยด์
คีลอยด์เกิดจากการที่เนื้อเยื่อผิวหนังซ่อมแซมตัวเองผิดปกติหลังจากที่เกิดแผล เมื่อแผลเริ่มหาย ผิวหนังจะสร้างคอลลาเจนมากเกินไป ส่งผลให้เนื้อเยื่อส่วนเกินหนาตัวและขยายออกนอกบริเวณแผลเดิม คีลอยด์จะมีลักษณะเป็นแผลหนา นูน และอาจมีสีเข้มหรือแดง สาเหตุหลักของการเกิดคีลอยด์มีดังนี้
1. พันธุกรรม : บางคนมีแนวโน้มเกิดคีลอยด์จากพันธุกรรม ถ้าคนในครอบครัวมีประวัติเป็นคีลอยด์ โอกาสที่เราจะเกิดคีลอยด์จะสูงขึ้น
2. การบาดเจ็บหรือแผล : คีลอยด์มักเกิดจากแผลต่าง ๆ เช่น แผลจากการผ่าตัด แผลจากการฉีดยา แผลสิว แผลจากการเจาะหู หรือแผลจากอุบัติเหตุ
3. การอักเสบของแผล: ถ้าแผลมีการติดเชื้อหรืออักเสบ จะทำให้แผลใช้เวลาหายช้านานขึ้น และมีโอกาสที่จะเกิดคีลอยด์สูง
4. ประเภทของผิวหนัง : คนที่มีผิวสีเข้มมีแนวโน้มที่จะเกิดคีลอยด์มากกว่าคนที่มีผิวสีอ่อน
5. อายุ : วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดคีลอยด์มากกว่าวัยอื่น เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเซลล์มาก
6. บริเวณที่เกิดแผล : แผลที่เกิดในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ไหล่ หน้าอก หรือหลัง จะมีโอกาสเกิดคีลอยด์สูงกว่า

-
หน้าอกและไหล่
-
หลังส่วนบน
-
ใบหู
-
กรามและแก้ม
02 บริเวณที่พบคีลอยด์บ่อย
การดูแลแผลเพื่อป้องกันการเกิดคีลอยด์มีวิธีดังนี้
1. รักษาความสะอาดของแผล ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อน ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และเปลี่ยนผ้าปิดแผลอย่างสม่ำเสมอ
2. การใช้แผ่นซิลิโคนเจล (Silicone Gel Sheets) แผ่นซิลิโคนช่วยป้องกันการเกิดคีลอยด์ โดยการช่วยให้แผลนุ่มขึ้นและลดการสร้างเนื้อเยื่อส่วนเกิน
3. ทายาเพื่อลดการอักเสบ ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หรือครีมลดรอยแผลเป็นสามารถช่วยลดการอักเสบและการเกิดคีลอยด์ได้
4. การใช้แรงกดที่แผล (Pressure Therapy) ใช้ผ้าพันแผลหรืออุปกรณ์กดทับบริเวณแผลเพื่อลดโอกาสการเกิดคีลอยด์
5. เลี่ยงการสัมผัสแผลมากเกินไป อย่าเกาแผลหรือกดทับแผล เพราะอาจทำให้แผลมีการระคายเคืองและทำให้คีลอยด์เกิดขึ้นได้
6. **การหลีกเลี่ยงแสงแดด**: ปกปิดแผลจากแสงแดดโดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรก เพราะรังสี UV อาจทำให้แผลคล้ำและทำให้คีลอยด์เห็นชัดเจนขึ้น
7. **การปรึกษาแพทย์**: หากเริ่มมีอาการของคีลอยด์ เช่น แผลหนาขึ้น คัน หรือบวม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษา เช่น การฉีดยาสเตียรอยด์ การทำเลเซอร์ หรือการผ่าตัด
03 วิธีการการดูแลแผลไม่ให้เป็นคีลอยด์

-
รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบจนหมด หากแพ้ยาชนิดใด แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง หากรับประทานยาแล้วมีผื่นแดง บวม ให้หยุดยาแล้วมาพบแพทย์
-
ห้ามแผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม แพทย์จะนัดติดตามดูอาการ ทำแผลตามความเหมาะสม
-
หลังศัลยกรรม จะบวมมากที่สุด 3 วันแรก และเริ่มยุบบวมเข้าที่ขึ้นเรื่อยๆ ช้าเร็วขึ้นกับร่างกายของแต่ละบุคคล
-
งดออกกำลังกาย ยกของหนัก การกระแทกกระทบกระเทือน หรือกิจกรรมใดๆ ที่เสี่ยงทำให้แผลแยก
-
หลังตัดไหม สามารถทายาลดรอยแผลเป็นได้ การดูแลแผล เฝ้าระวังแผลเป็น แพทย์จะนัดติดตามเป็นระยะ
-
คีลอยด์ที่ตัดไปแล้วมีโอกาสกลับเป็นซ้ำได้ ดังนั้นคนไข้ควรมาติดตามนัด หากมีความจำเป็นแพทย์จะฉีดยากันคีลอยด์ตามเหมาะสม
04 การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดคีลอยด์
Q&A ที่พบบ่อย ?


เลเซอร์คีลอยด์ กี่ครั้งถึงหาย
โดยปกติการฉีดคีลอยด์จะต้องฉีดอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง โดยอาจอยู่ที่ 3 ครั้งขึ้นไป ความถี่อยู่ที่ประมาณเดือนล ะ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับการประเมินลักษณะแผลจากแพทย์ รวมถึงต้องตรวจดูการตอบสนองของแผลที่มีต่อสารยาหลังจากฉีดในครั้งแรกๆ ด้วย
ใครที่สามารถเป็นคีลอยด์ได้ ⁉️
-
เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเพศทุกวัย
-
โดยจะอยู่ในช่วงอายุ10-30ปี
-
และพบว่าผู้ป่วยที่เป็นแผลคีลอยด์มักจะมีสมาชิกในครอบครัวเป็นคีลอยด์มาก่อน

หลุมสิว 3 ประเภท
หลุมสิว (Acne Scars) คือรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวอักเสบที่หายแล้วแต่ทิ้งร่องรอยลึกไว้ในชั้นผิว เนื่องจากการสูญเสียคอลลาเจนหรือการอักเสบลึกที่ผิวหนัง
หลุมสิวสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ตามลักษณะรูปร่าง ดังนี้:

ประเภท1
หลุมสิวแบบ Ice Pick Scar
-
ลักษณะ: รูปร่างคล้ายรูเข็มหรือ รูปลิ่ม ขนาดเล็ก ลึก ปลายแหลม
-
สาเหตุ: สิวอักเสบลึกมากทำลายเนื้อเยื่อผิวหนัง
-
ความยากในการรักษา: สูง เนื่องจากลึกถึงชั้นผิวหนังแท้

ประเภท2
หลุมสิวแบบ Boxcar Scar
-
ลักษณะ: ขอบหลุมชัด ขนาดกลางถึงใหญ่ เป็นทรงเหลี่ยมหรือวงรี ลึกปานกลาง
-
พบบ่อยบริเวณ: แก้ม ขมับ
-
ความยากในการรักษา: ปานกลาง ขึ้นอยู่กับความลึก

ประเภท3
หลุมสิวแบบ Rolling Scar
-
ลักษณะ: ผิวเป็นคลื่นเว้า ๆ ไม่มีขอบชัด ลึกไม่มาก
-
สาเหตุ: เนื้อเยื่อพังผืดใต้ผิวหนังดึงรั้งผิว
-
พบบ่อยที่: แก้มด้านล่าง
-
ความยากในการรักษา: ปานกลาง โดยเน้นการตัดพังผืดร่วมกับเลเซอร์

เลเซอร์ - ยกกระชับ (ไม่ผ่าตัด)
เลเซอร์ยกกระชับผิวหน้าเป็นการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนัง ซึ่งจะช่วยให้ผิวกระชับขึ้น ลดริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น
เลเซอร์ - ใบหน้า (ไม่ผ่าตัด)
เลเซอร์กระชับหน้ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวหนังชั้นลึก ซึ่งช่วยปรับผิวที่หย่อนคล้อยให้ดูเรียบตึงมากขึ้น ยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด สำหรับผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณใบหน้า ลำคอ หรือกรอบหน้า
Laserยกกระชับใบหน้า จะสามารถช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้เรียบเนียนและอ่อนเยาว์ ซึ่งในปัจจุบันเลเซอร์ยกกระชับหน้าราคาไม่สูง ขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ เลเซอร์ยกกระชับและเลเซอร์กระชับหน้า เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้น และอยากได้ผลลัพธ์ไม่เร่งรีบ
ยกกระชับลำตัว
การเลเซอร์สลายไขมันลำตัว ไม่ต้องผ่าตัดเป็นวิธีที่ไม่ต้องเจ็บตัวและไม่ทิ้งรอยแผล ฟื้นตัวไว สลายไขมันด้วยเลเซอร์ใช้พลังงานเลเซอร์เพื่อทำลายเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนัง การเลเซอร์ลดไขมันในปัจจุปันมีหลายวิธีที่คนนิยมมากที่สุด คือการการเลเซอร์ลดเหนียง เลเซอร์ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวกระชับปรับรูปหน้าให้ดูเรียวกระชับ
เลเซอร์ - แก้ไขรอยดำในที่ลับ
รอยดำในที่ลับสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยการเสียดของผิวหนัง การเสียดของเสื้อผ้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนความเสื่อมของเซลล์ผิวหนังหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงในปัจจุบันคือ การรักษาเลเซอร์ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและช่วยให้ผิวบริเวณดังกล่าวขาวขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

แก้ไขหัวนมดำ
เลเซอร์รักษาหัวนมดำเป็นวิธีการแก้ปัญหาหัวนมดําโดยใช้พลังงานแสงเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจง ทำลายเม็ดสีเมลานินที่ทำให้บริเวณหัวนมมีสีเข้มเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติซึ่งการเลเซอร์ถือว่าเป็นทางเลือกที่ทันสมัยแก้ปัญหาหัวนมดำได้ผลรวดเร็วและหมดปัญหาหัวนมคลํ้าฟื้นฟูสีผิวบริเวณหัวนมกลับมาเป็นปกติได้อย่างปลอดภัย หัวนมดําแก้ไขได้หลายวิธี เช่น เลเซอร์หัวนม และอีกวิธีหนึ่งคือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหัวนม

แก้ไขร่องก้นดำ
วิธีแก้ร่องก้นดำและวิธีทำให้ร่องก้นขาวโดยการใช้เลเซอร์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลเร็วในการลดความหมองคล้ำของร่องก้น โดยเลเซอร์ร่องก้นจะช่วยปรับสีผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาร่องก้นดำแบบเร่งด่วน
เลเซอร์ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น
การรักษาผิวหนังปัญหาผิวพรรณเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ความหย่อนคล้อยของผิวหนัง เช่น หลังมือเหี่ยวย่น ร่องแก้มและร่องน้ำตาลึก เป็นผลจากการลดลงของคอลลาเจน อีลาสตินมีวิธีการรักษามากมายที่ช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวม่ว่าจะเป็นการใช้สารเติมเต็ม (Filler) การกระตุ้นคอ ลลาเจนด้วยเลเซอร์ หรือการฟื้นฟูผิวด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งสามารถปรับปรุงผิวที่เสื่อมโทรมให้กลับมาดูสดใสและอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง

แก้ไขหลังมือเหี่ยวย่น
ปัญหา ฝ่ามือเหี่ยว,หลังมือย่น และ หนังมือเหี่ยว เป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น มือเหี่ยว,มือย่น อาจจะเกิดจากปัจจัยอื่นๆได้ เช่น การสัมผัสสารเคมี แสงแดด หรือการขาดการบำรุงผิวโดย วิธีแก้มือเหี่ยวกระทําได้โดยการทำทรีตเมนต์มือหรือ ทำทรีตเมนต์ที่คลินิกเสริมความงามเพื่อทําการรักษามือเหี่ยว เช่นฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องลึกและฟื้นฟูความอวบอิ่มให้หลังมือฉีดไขมัน(Fat Transfer)นำไขมันส่วนอื่นของร่างกายมาเติมเต็มบริเวณมือ เลเซอร์ผิวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อแก้ปัญหามือเหี่ยวย่น

แก้ไขร่องแก้ม, ร่องน้ำตา
(Tear Trough, Ulthera)
วิธีการรักษาแก้ไขร่องแก้มลึกและร่องนํ้าหมากแกไขได้โดยใช้วิธีรักษาด้วยการทำอัลเทอร่า (Ultherapy) หรือเทอร์มาจ (Thermage) ซึ่งร่องน้ำหมากแก้ด้วยเทคนิคการใช้พลังงานคลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกช่วยยกกระชับผิวและลดเลือนแก้ร่องน้ำหมากและร่องแก้มลึกแก้ไขได้ด้วยวิธีการนี้ควบคู่กันโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดผลลัพธ์อยู่ได้นาน ไม่ต้องพักฟื้นเห็นผลอย่างเป็นธรรมชาติ

-
โรคเส้นเลือดของผิวหนัง เช่น ปานแดง เส้นเลือดฝอยแตก เส้นเลือดขอดต่าง ๆ
-
โรคของเม็ดสีผิวหนัง เช่น ไฝ ปานดำ รอยดำจากสิว
-
การลบรอยสัก ซึ่งการเลือกเลเซอร์ขึ้นอยู่กับสี ความลึก และลักษณะทางเคมีของหมึกสัก
เลเซอร์ยกกระชับ คืออะไร?
เลเซอร์ยกกระชับผิวหน้า คือเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้พลังงานจากแสงอินฟราเรด (Infrared Light) เพื่อเข้าไปยกกระชับผิวโดยการส่งความร้อน
ไปยังคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวหนังเกิดการหดตัวทำให้ดูผิวกระชับขึ้น ซึ่งวิธีนี้ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีแผลหรืออาการเจ็บปวดใดๆ ตามมา
เลเซอร์แก้ไขรอยดำในที่ลับ คืออะไร?
รอยดำ เป็นรอยแผลเป็นตามธรรมชาติแล้วก็จะจางหายไป แต่ใช้เวลานานมาก การ เลเซอร์รอยดำ จะช่วยให้รอยดำที่หายยากและรักษายากนั้นหายไป การทำเลเซอร์ อย่างน้อย 4-5 ครั้ง ต่อเนื่องทุก ๆ 2-3 สัปดาห์ จะทำให้รอยดำนั้นดูจางลงอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วย
เลเซอร์ ผิวหนังแก้ปัญหาอะไรบ้าง?
