top of page

แผลเป็นคีลอยด์ แผลเป็นนูน เกิดจากอะไร แก้ปัญหาอย่างไรมาหาคําตอบกัน

แผลเป็นคีลอยด์และแผลเป็นนูนเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อย หลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อมีแผลเป็นเหล่านี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่มองเห็นได้ง่าย เช่น ใบหน้า ลำคอ หรือแขนขา

แผลเป็นคีลอยด์และแผลเป็นนูนเป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้บ่อย หลายคนอาจรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อมีแผลเป็นเหล่านี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในบริเวณที่มองเห็นได้ง่าย เช่น ใบหน้า ลำคอ หรือแขนขา

แผลเป็นคีลอยด์และแผลเป็นนูน เกิดจากอะไร?

1.แผลเป็นคีลอยด์ (Keloid) เป็นแผลเป็นที่เกิดจากการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อที่มากเกินไป บริเวณแผลมักนูนและขยายออกไปเกินขอบเขตของแผลเดิม ลักษณะจะมีสีแดง ชมพู หรือคล้ำ และมักมีอาการคันหรือเจ็บร่วมด้วย แผลคีลอยด์มักพบในผู้ที่มีพันธุกรรมที่มีแนวโน้มเกิดคีลอยด์ง่าย เช่น ชาวเอเชีย แอฟริกัน และชาวลาตินอเมริกา

2.แผลเป็นนูน (Hypertrophic Scar) เป็นแผลเป็นที่มีลักษณะนูนขึ้นเช่นกัน แต่จะอยู่ในขอบเขตของแผลเดิม และมักค่อยๆ จางลงหรือแบนราบเมื่อเวลาผ่านไป อาจเกิดจากการรักษาแผลที่ไม่เหมาะสมหรือการติดเชื้อบริเวณแผล

สาเหตุของแผลเป็นคีลอยด์และแผลเป็นนูน

1.การบาดเจ็บที่ผิวหนัง เช่น รอยขีดข่วน แผลจากอุบัติเหตุ หรือการผ่าตัด

2.เกิดสิวหรือติดเชื้อที่ผิวหนัง

3.เจาะร่างกาย (Piercing) หรือสักผิวหนัง

4.แผลหายช้า เช่น แผลที่โดนดึงรั้ง หรือไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

5.พันธุกรรมหรือผิวหนังที่ไวต่อการสร้างเนื้อเยื่อส่วนเกิน

วิธีการป้องกันและดูแลรักษา

1. การป้องกันดูแลแผลอย่างถูกวิธีรักษาความสะอาด ปิดแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และหลีกเลี่ยงการดึงหรือแกะสะเก็ดแผล

ใช้แผ่นซิลิโคนเจลซิลิโคนช่วยลดการเกิดแผลเป็นและทำให้แผลแบนราบเร็วขึ้น

หลีกเลี่ยงแสงแดดเพราะรังสี UV อาจทำให้แผลเป็นเข้มขึ้น

2. รักษาแผลเป็นคีลอยด์และแผลเป็นนูนด้วยยาและวิธีทางการแพทย์

ใช้ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ (Steroid) หรือซิลิโคนเจลที่ออกแบบมาเพื่อลดแผลเป็น

การฉีดยาสเตียรอยด์ ช่วยลดความนูนของแผลและลดอาการคัน

การใช้เลเซอร์: เช่น เลเซอร์ Pulsed Dye Laser (PDL) หรือ Fractional Laser เพื่อลดรอยแดงและทำให้แผลแบนราบ

การผ่าตัด: ใช้ในกรณีแผลเป็นที่ใหญ่มาก แต่อาจมีความเสี่ยงที่แผลจะกลับมาเป็นคีลอยด์อีก

การบำบัดด้วยแรงกด (Pressure Therapy): ใช้เครื่องมือหรือผ้ารัดแผลเพื่อลดการเจริญของเนื้อเยื่อ

ควรปรึกษาแพทย์เมื่อใด?

หากแผลเป็นมีลักษณะโตขึ้นเร็ว มีอาการเจ็บ คัน หรือไม่แน่ใจว่าเป็นแผลคีลอยด์หรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อวินิจฉัยและรับคำแนะนำในการรักษาที่เหมาะสม.


แผลเป็นคีลอยด์และแผลเป็นนูนเกิดจากการสร้างเนื้อเยื่อส่วนเกินในระหว่างการสมานแผล แม้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในบางกรณี แต่สามารถลดความรุนแรงและรักษาได้ด้วยวิธีที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาหรือการรักษาทางการแพทย์ หากดูแลแผลตั้งแต่แรกอย่างถูกวิธี โอกาสเกิดแผลเป็นจะลดลง และช่วยให้คุณกลับมามั่นใจในผิวของคุณได้อีกครั้ง!

เพื่อข้อมูลเพิ่มเติมหรือทำการนัดหมาย ได้ที่ 0956960966

ความคิดเห็น

ได้รับ 0 เต็ม 5 ดาว
ยังไม่มีการให้คะแนน

ให้คะแนน
bottom of page