top of page
3.png
Wmedic (5).png

การรักษาเส้นเลือดขอด

เส้นเลือดขอด (Varicose Veins) คือภาวะที่เส้นเลือดดำใต้ผิวหนังขยายตัว บวม และบิดเป็นเส้นคล้ายเชือก มักพบที่ขา สาเหตุเกิดจากลิ้นในหลอดเลือดดำทำงานผิดปกติ ทำให้เลือดไหลย้อนกลับและคั่งอยู่ในหลอดเลือด

เข็มฉีดยาอยู่ในมือที่สวมถุงมือ

ฉีดยาทำลายหลอดเลือด

  • ฉีดยาเข้าไปในเส้นเลือดที่ขอด

  • ทำให้ผนังเส้นเลือดติดกันและยุบตัว

  • เหมาะกับเส้นเลือดขอดขนาดเล็กถึงกลาง

  • อาจต้องทำหลายครั้ง

การรักษาด้วยเลเซอร์

การรักษาด้วยเลเซอร์

  • สอดสายเลเซอร์เข้าไปในหลอดเลือด

  • ใช้พลังงานความร้อนปิดหลอดเลือดที่ผิดปกติ

  • เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน

เลเซอร์กำจัดขน

คลื่นวิทยุ

(Radiofrequency Ablation)

  • คล้ายกับเลเซอร์ แต่ใช้คลื่นวิทยุสร้างความร้อน

  • ปิดหลอดเลือดได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

Image by JAFAR AHMED

 การผ่าตัด (ในรายที่รุนแรงหรือรักษาวิธีอื่นไม่หาย)

  • Stripping: ผ่าตัดนำเส้นเลือดที่ผิดปกติออก

  • Ambulatory Phlebectomy: เจาะผิวหนังขนาดเล็กเพื่อดึงเส้นเลือดขอดออก

  • มักทำร่วมกับการดมยาหรือฉีดยาชาเฉพาะที่

Wmedic (6).png

คีลอยด์ คืออะไร  ? 

คีลอยด์ คือ ประเภทของรอยแผลเป็นชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นแผลนูน แดง มีการขยายใหญ่ออกนอกขอบเขตบาดแผลเดิม อาจมีอาการคัน เจ็บ และรู้สึกผิวตึงรั้งร่วมด้วย เมื่อทิ้งไว้จะคงอยู่และไม่ยุบแบนราบลงได้เอง ยิ่งไปกว่านั้น ในบางรายอาจมีขนาดโตขึ้นกว่าเดิมอีกครับ แม้ว่าแผลคีลอยด์ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ แต่ส่งผลด้านความสวยงามและสภาพจิตใจได้

วิธีรักษาคีลอยด์

การรักษาคีลอยด์มีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาดและลักษณะของคีลอยด์ รวมถึงสภาพผิวของผู้ป่วย วิธีที่ใช้บ่อยในการรักษาคีลอยด์มีดังนี้:

1. การฉีดยาสเตียรอยด์ (Corticosteroid Injections)

      เป็นวิธีการรักษาที่นิยม ใช้ฉีดสเตียรอยด์เข้าสู่คีลอยด์เพื่อลดการอักเสบและการสร้างคอลลาเจน ช่วยทำให้คีลอยด์ยุบลง แต่ต้องทำหลายครั้งและใช้เวลาต่อเนื่อง

2. **การใช้แผ่นซิลิโคน (Silicone Sheets)

      แผ่นซิลิโคนใช้ปิดทับบริเวณคีลอยด์ ช่วยให้แผลนุ่มขึ้นและลดการนูน สามารถใช้ร่วมกับวิธีอื่น ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

 

3. การทำเลเซอร์ (Laser Therapy)

       ใช้แสงเลเซอร์ในการลดขนาดคีลอยด์และช่วยให้สีของแผลจางลง การทำเลเซอร์อาจต้องทำหลายครั้งและต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

4. การผ่าตัด (Surgical Excision)

       ในกรณีที่คีลอยด์มีขนาดใหญ่และไม่ตอบสนองต่อวิธีอื่น แพทย์อาจแนะนำการผ่าตัดออก แต่มีความเสี่ยงที่คีลอยด์จะกลับมาใหม่ได้ แพทย์มักใช้การฉีดยาสเตียรอยด์หรือทำเลเซอร์ร่วมด้วยหลังผ่าตัดเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ

5. การฉายรังสี (Radiation Therapy)

       ใช้รังสีความเข้มต่ำฉายไปยังบริเวณคีลอยด์เพื่อลดการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ วิธีนี้มักใช้หลังการผ่าตัดเพื่อป้องกันไม่ให้คีลอยด์กลับมาอีก

6. การใช้แรงกด (Pressure Therapy)

       ใช้แถบผ้าหรืออุปกรณ์กดทับบริเวณคีลอยด์เพื่อลดการนูนและป้องกันไม่ให้ขยายตัว วิธีนี้มักใช้กับแผลที่เกิดจากการผ่าตัดหรืออุบัติเหตุ

7. การใช้ยาทาหรือเจลรักษาแผลเป็น

      เช่น ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์หรือสารสกัดจากพืชสมุนไพร ซึ่งสามารถช่วยลดรอยแผลเป็นได้ในบางกรณี

การรักษาคีลอยด์มักต้องใช้เวลานานและอาจต้องผสมผสานหลายวิธี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล

คีลอยด์ มีกี่ประเภท สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดหลัก ๆ ตามลักษณะและความรุนแรง ดังนี้:

3.คีลอยด์ มีกี่ประเภทjpg.jpg
คีลอยด์ มีกี่ประเภท.jpg

1. คีลอยด์ชนิดเริ่มต้น (Early Keloid)
   - เป็นคีลอยด์ที่เริ่มพัฒนาในช่วงแรกหลังแผลหาย โดยมักเกิดในช่วง 3-6 เดือนหลังแผลเริ่มสมาน
   - ลักษณะจะเป็นก้อนนูนขึ้นมาเล็กน้อย สีมักจะเป็นสีแดงหรือสีชมพู และอาจรู้สึกคันหรือเจ็บ
   - คีลอยด์ชนิดนี้สามารถรักษาได้ง่ายกว่าหากเริ่มการรักษาตั้งแต่แรก เช่น การใช้ซิลิโคนเจลหรือการกดทับ

2. คีลอยด์ชนิดเรื้อรัง (Mature Keloid)
   - เป็นคีลอยด์ที่พัฒนาเป็นระยะเวลานานมากกว่า 6 เดือนจนถึงหลายปี
   - มีลักษณะนูนมากขึ้น หนาขึ้น และอาจมีสีคล้ำ เช่น สีน้ำตาลหรือสีม่วง
   - อาจขยายตัวและมีขนาดใหญ่กว่าบริเวณแผลเดิมอย่างมาก การรักษาจะยากขึ้นและต้องใช้วิธีทางการแพทย์ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การฉีดยาสเตียรอยด์หรือการทำเลเซอร์

คีลอยด์ทั้งสองชนิดนี้มีสาเหตุจากการซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่ผิดปกติและการสร้างคอลลาเจนเกินควร ดังนั้นควรได้รับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันการลุกลามของแผล

01 สาเหตุของการเกิดคีลอยด์

       คีลอยด์เกิดจากการที่เนื้อเยื่อผิวหนังซ่อมแซมตัวเองผิดปกติหลังจากที่เกิดแผล เมื่อแผลเริ่มหาย ผิวหนังจะสร้างคอลลาเจนมากเกินไป ส่งผลให้เนื้อเยื่อส่วนเกินหนาตัวและขยายออกนอกบริเวณแผลเดิม คีลอยด์จะมีลักษณะเป็นแผลหนา นูน และอาจมีสีเข้มหรือแดง สาเหตุหลักของการเกิดคีลอยด์มีดังนี้ 

1. พันธุกรรม : บางคนมีแนวโน้มเกิดคีลอยด์จากพันธุกรรม ถ้าคนในครอบครัวมีประวัติเป็นคีลอยด์ โอกาสที่เราจะเกิดคีลอยด์จะสูงขึ้น

2. การบาดเจ็บหรือแผล : คีลอยด์มักเกิดจากแผลต่าง ๆ เช่น แผลจากการผ่าตัด แผลจากการฉีดยา แผลสิว แผลจากการเจาะหู หรือแผลจากอุบัติเหตุ

3. การอักเสบของแผล: ถ้าแผลมีการติดเชื้อหรืออักเสบ จะทำให้แผลใช้เวลาหายช้านานขึ้น และมีโอกาสที่จะเกิดคีลอยด์สูง

4. ประเภทของผิวหนัง : คนที่มีผิวสีเข้มมีแนวโน้มที่จะเกิดคีลอยด์มากกว่าคนที่มีผิวสีอ่อน

5. อายุ : วัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่ตอนต้นมีความเสี่ยงที่จะเกิดคีลอยด์มากกว่าวัยอื่น เนื่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายมีการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเซลล์มาก

6. บริเวณที่เกิดแผล : แผลที่เกิดในบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวมาก เช่น ไหล่ หน้าอก หรือหลัง จะมีโอกาสเกิดคีลอยด์สูงกว่า

image.png
image.png

  • หน้าอกและไหล่

  • หลังส่วนบน

  • ใบหู

  • กรามและแก้ม

02 บริเวณที่พบคีลอยด์บ่อย

การดูแลแผลเพื่อป้องกันการเกิดคีลอยด์มีวิธีดังนี้

1. รักษาความสะอาดของแผล ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดและสบู่อ่อน ๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และเปลี่ยนผ้าปิดแผลอย่างสม่ำเสมอ

2. การใช้แผ่นซิลิโคนเจล (Silicone Gel Sheets) แผ่นซิลิโคนช่วยป้องกันการเกิดคีลอยด์ โดยการช่วยให้แผลนุ่มขึ้นและลดการสร้างเนื้อเยื่อส่วนเกิน

3. ทายาเพื่อลดการอักเสบ  ครีมที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หรือครีมลดรอยแผลเป็นสามารถช่วยลดการอักเสบและการเกิดคีลอยด์ได้

4. การใช้แรงกดที่แผล (Pressure Therapy)  ใช้ผ้าพันแผลหรืออุปกรณ์กดทับบริเวณแผลเพื่อลดโอกาสการเกิดคีลอยด์

5. เลี่ยงการสัมผัสแผลมากเกินไป  อย่าเกาแผลหรือกดทับแผล เพราะอาจทำให้แผลมีการระคายเคืองและทำให้คีลอยด์เกิดขึ้นได้

6. **การหลีกเลี่ยงแสงแดด**: ปกปิดแผลจากแสงแดดโดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรก เพราะรังสี UV อาจทำให้แผลคล้ำและทำให้คีลอยด์เห็นชัดเจนขึ้น

7. **การปรึกษาแพทย์**: หากเริ่มมีอาการของคีลอยด์ เช่น แผลหนาขึ้น คัน หรือบวม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษา เช่น การฉีดยาสเตียรอยด์ การทำเลเซอร์ หรือการผ่าตัด

03 วิธีการการดูแลแผลไม่ให้เป็นคีลอยด์

scar keloid
  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบจนหมด หากแพ้ยาชนิดใด แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง หากรับประทานยาแล้วมีผื่นแดง บวม ให้หยุดยาแล้วมาพบแพทย์

  • ห้ามแผลโดนน้ำจนกว่าจะตัดไหม แพทย์จะนัดติดตามดูอาการ ทำแผลตามความเหมาะสม

  • หลังศัลยกรรม จะบวมมากที่สุด 3 วันแรก และเริ่มยุบบวมเข้าที่ขึ้นเรื่อยๆ ช้าเร็วขึ้นกับร่างกายของแต่ละบุคคล

  • งดออกกำลังกาย ยกของหนัก การกระแทกกระทบกระเทือน หรือกิจกรรมใดๆ ที่เสี่ยงทำให้แผลแยก

  • หลังตัดไหม สามารถทายาลดรอยแผลเป็นได้ การดูแลแผล เฝ้าระวังแผลเป็น แพทย์จะนัดติดตามเป็นระยะ

  • คีลอยด์ที่ตัดไปแล้วมีโอกาสกลับเป็นซ้ำได้ ดังนั้นคนไข้ควรมาติดตามนัด หากมีความจำเป็นแพทย์จะฉีดยากันคีลอยด์ตามเหมาะสม

04 การดูแลตัวเองหลังผ่าตัดคีลอยด์

Q&A ที่พบบ่อย ?

Wmedic (7).png

หลุมสิว 3 ประเภท

หลุมสิว (Acne Scars) คือรอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวอักเสบที่หายแล้วแต่ทิ้งร่องรอยลึกไว้ในชั้นผิว เนื่องจากการสูญเสียคอลลาเจนหรือการอักเสบลึกที่ผิวหนัง
หลุมสิวสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ตามลักษณะรูปร่าง ดังนี้:

ประเภท1

หลุมสิวแบบ Ice Pick Scar

  • ลักษณะ: รูปร่างคล้ายรูเข็มหรือรูปลิ่ม ขนาดเล็ก ลึก ปลายแหลม

  • สาเหตุ: สิวอักเสบลึกมากทำลายเนื้อเยื่อผิวหนัง

  • ความยากในการรักษา: สูง เนื่องจากลึกถึงชั้นผิวหนังแท้

ประเภท2

หลุมสิวแบบ Boxcar Scar

  • ลักษณะ: ขอบหลุมชัด ขนาดกลางถึงใหญ่ เป็นทรงเหลี่ยมหรือวงรี ลึกปานกลาง

  • พบบ่อยบริเวณ: แก้ม ขมับ

  • ความยากในการรักษา: ปานกลาง ขึ้นอยู่กับความลึก

ประเภท3

หลุมสิวแบบ Rolling Scar

  • ลักษณะ: ผิวเป็นคลื่นเว้า ๆ ไม่มีขอบชัด ลึกไม่มาก

  • สาเหตุ: เนื้อเยื่อพังผืดใต้ผิวหนังดึงรั้งผิว

  • พบบ่อยที่: แก้มด้านล่าง

  • ความยากในการรักษา: ปานกลาง โดยเน้นการตัดพังผืดร่วมกับเลเซอร์

W+ Medic Website Gen3_edited.jpg

เลเซอร์ - ยกกระชับ (ไม่ผ่าตัด)

เลเซอร์ยกกระชับผิวหน้าเป็นการใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวหนัง ซึ่งจะช่วยให้ผิวกระชับขึ้น ลดริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น

เลเซอร์ - ใบหน้า (ไม่ผ่าตัด)

เลเซอร์กระชับหน้ากระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิวหนังชั้นลึก ซึ่งช่วยปรับผิวที่หย่อนคล้อยให้ดูเรียบตึงมากขึ้น ยกกระชับผิวหน้าโดยไม่ต้องผ่าตัด สำหรับผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณใบหน้า ลำคอ หรือกรอบหน้า

 

Laserยกกระชับใบหน้า จะสามารถช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้เรียบเนียนและอ่อนเยาว์ ซึ่งในปัจจุบันเลเซอร์ยกกระชับหน้าราคาไม่สูง ขึ้นอยู่กับประเภทของเลเซอร์ เลเซอร์ยกกระชับและเลเซอร์กระชับหน้า เหมาะกับผู้ที่ไม่ต้องการพักฟื้น และอยากได้ผลลัพธ์ไม่เร่งรีบ

ยกกระชับลำตัว

การเลเซอร์สลายไขมันลำตัว ไม่ต้องผ่าตัดเป็นวิธีที่ไม่ต้องเจ็บตัวและไม่ทิ้งรอยแผล ฟื้นตัวไว สลายไขมันด้วยเลเซอร์ใช้พลังงานเลเซอร์เพื่อทำลายเซลล์ไขมันในชั้นผิวหนัง การเลเซอร์ลดไขมันในปัจจุปันมีหลายวิธีที่คนนิยมมากที่สุด คือการการเลเซอร์ลดเหนียง เลเซอร์ปรับรูปหน้าให้ดูเรียวกระชับปรับรูปหน้าให้ดูเรียวกระชับ

เลเซอร์ - แก้ไขรอยดำในที่ลับ

รอยดำในที่ลับสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยการเสียดของผิวหนัง การเสียดของเสื้อผ้า รวมถึงการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนความเสื่อมของเซลล์ผิวหนังหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงในปัจจุบันคือ การรักษาเลเซอร์ช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนและช่วยให้ผิวบริเวณดังกล่าวขาวขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

แก้ไขหัวนมดำ

เลเซอร์รักษาหัวนมดำเป็นวิธีการแก้ปัญหาหัวนมดําโดยใช้พลังงานแสงเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจง ทำลายเม็ดสีเมลานินที่ทำให้บริเวณหัวนมมีสีเข้มเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติซึ่งการเลเซอร์ถือว่าเป็นทางเลือกที่ทันสมัยแก้ปัญหาหัวนมดำได้ผลรวดเร็วและหมดปัญหาหัวนมคลํ้าฟื้นฟูสีผิวบริเวณหัวนมกลับมาเป็นปกติได้อย่างปลอดภัย หัวนมดําแก้ไขได้หลายวิธี เช่น เลเซอร์หัวนม และอีกวิธีหนึ่งคือการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหัวนม

แก้ไขร่องก้นดำ

วิธีแก้ร่องก้นดำและวิธีทำให้ร่องก้นขาวโดยการใช้เลเซอร์เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเห็นผลเร็วในการลดความหมองคล้ำของร่องก้น โดยเลเซอร์ร่องก้นจะช่วยปรับสีผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาร่องก้นดำแบบเร่งด่วน

เลเซอร์ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น

การรักษาผิวหนังปัญหาผิวพรรณเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ความหย่อนคล้อยของผิวหนัง เช่น หลังมือเหี่ยวย่น ร่องแก้มและร่องน้ำตาลึก เป็นผลจากการลดลงของคอลลาเจน อีลาสตินมีวิธีการรักษามากมายที่ช่วยแก้ไขปัญหาดังกล่าวม่ว่าจะเป็นการใช้สารเติมเต็ม (Filler) การกระตุ้นคอลลาเจนด้วยเลเซอร์ หรือการฟื้นฟูผิวด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งสามารถปรับปรุงผิวที่เสื่อมโทรมให้กลับมาดูสดใสและอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง

แก้ไขหลังมือเหี่ยวย่น

ปัญหา ฝ่ามือเหี่ยว,หลังมือย่น และ หนังมือเหี่ยว เป็นปัญหาที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น มือเหี่ยว,มือย่น อาจจะเกิดจากปัจจัยอื่นๆได้ เช่น การสัมผัสสารเคมี แสงแดด หรือการขาดการบำรุงผิวโดย วิธีแก้มือเหี่ยวกระทําได้โดยการทำทรีตเมนต์มือหรือ ทำทรีตเมนต์ที่คลินิกเสริมความงามเพื่อทําการรักษามือเหี่ยว เช่นฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มร่องลึกและฟื้นฟูความอวบอิ่มให้หลังมือฉีดไขมัน(Fat Transfer)นำไขมันส่วนอื่นของร่างกายมาเติมเต็มบริเวณมือ เลเซอร์ผิวกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อแก้ปัญหามือเหี่ยวย่น

แก้ไขร่องแก้ม, ร่องน้ำตา
(Tear Trough, Ulthera)

วิธีการรักษาแก้ไขร่องแก้มลึกและร่องนํ้าหมากแกไขได้โดยใช้วิธีรักษาด้วยการทำอัลเทอร่า (Ultherapy) หรือเทอร์มาจ (Thermage) ซึ่งร่องน้ำหมากแก้ด้วยเทคนิคการใช้พลังงานคลื่นเสียงหรือคลื่นวิทยุเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึกช่วยยกกระชับผิวและลดเลือนแก้ร่องน้ำหมากและร่องแก้มลึกแก้ไขได้ด้วยวิธีการนี้ควบคู่กันโดยที่ไม่ต้องผ่าตัดผลลัพธ์อยู่ได้นาน ไม่ต้องพักฟื้นเห็นผลอย่างเป็นธรรมชาติ

image_edited.png
  1. โรคเส้นเลือดของผิวหนัง เช่น ปานแดง เส้นเลือดฝอยแตก เส้นเลือดขอดต่าง ๆ

  2. โรคของเม็ดสีผิวหนัง เช่น ไฝ ปานดำ รอยดำจากสิว

  3. การลบรอยสัก ซึ่งการเลือกเลเซอร์ขึ้นอยู่กับสี ความลึก และลักษณะทางเคมีของหมึกสัก

เลเซอร์ยกกระชับ คืออะไร?

      เลเซอร์ยกกระชับผิวหน้า คือเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้พลังงานจากแสงอินฟราเรด (Infrared Light) เพื่อเข้าไปยกกระชับผิวโดยการส่งความร้อน
ไปยังคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวหนังเกิดการหดตัวทำให้ดูผิวกระชับขึ้น ซึ่งวิธีนี้ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีแผลหรืออาการเจ็บปวดใดๆ ตามมา

เลเซอร์แก้ไขรอยดำในที่ลับ คืออะไร?

      รอยดำ เป็นรอยแผลเป็นตามธรรมชาติแล้วก็จะจางหายไป แต่ใช้เวลานานมาก การ เลเซอร์รอยดำ จะช่วยให้รอยดำที่หายยากและรักษายากนั้นหายไป การทำเลเซอร์ อย่างน้อย 4-5 ครั้ง ต่อเนื่องทุก ๆ 2-3 สัปดาห์ จะทำให้รอยดำนั้นดูจางลงอย่างน่าอัศจรรย์ ไม่มีผลข้างเคียงอีกด้วย

เลเซอร์ ผิวหนังแก้ปัญหาอะไรบ้าง?

Untitled-1.png

W+ Medic

W+Medic Clinic

ศูนย์เลเซอร์ คีลอยด์ และแผลเป็น 

  • ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสามแยกบางใหญ่

  • Call Center: 095-696-0966

  • สาขาบางใหญ่ 02-126-0408

Service

W+ Laser & Skin

W+For Lady

W+ For Men

W+ We Care

W+ Minor Surgery & Aesthetics

More

Social medie

  • Facebook
  • Instagram
  • Line
  • TikTok
  • Youtube
  • Twitter
  • ID Line: @Wmedic

bottom of page